สลัดฝายหินพาเที่ยว
ดอนอินทนนท์
วันนี้วันที่ 20 พฤษจิกายน 2559 เป็นวันที่เชียงใหม่อากาศแจ่มใสมาก ๆ เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 04:00น. เพื่อที่จะให้ไปทันกับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า
ขอเริ่มต้นด้วยพระจันทร์ตอนตีสี่ 04:00 ที่บ้านก่อนออกเดินทาง พระจันทร์หลังวันที่เขาเรียกว่า Super Moon ได้ 7 วันพอดีถึงแม้เราจะเห็นเพียงครึ่งเดียวแต่เราก็ยังสามารถชมความสดใสของพระจันทร์ได้ ก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง แต่ก็อยากรู้ว่า บนดอยอินทนนท์จะยังสวยงามกว่านี้หรือไม่ ต้องออกเดินทางแล้วครับ
เริ่มออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่จุดหมายกันครับ สำหรับเส้นทางที่ผ่านกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เราจะขอยังไม่รีวิวในครั้งนี้เนื่องจากว่าแต่ละสถานที่มีเรื่องราวมากมาย และความสวยงาม มากมาย เราขอตรงไปที่จุดหมายในครั้งนี้ก่อนนะครับ
ดอยอินทนนทร์
สิ่งแรกที่พบคือ กระจกรถมีแต่ฝ้าและไอน้ำขึ้นเต็มไปหมด วันที่ไปคือวันที่ 20/11/2559 อุณหภุมิ ตรงนี้น่าจะ 8-9องศา
หลังจากลงจากรถเพื่อไปเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นก็พบกับควาวสวยงามสมกับการตื่นแต่เช้า
ภาพแรกที่พบคือ พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ดอยอินทนนท์ แต่ความโชคดีเราสามารถที่เก็บภาพพระจันทร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันได้ด้วย จึงเป็นความสวยงามที่พระอาทิยต์กับพระจันทร์ได้มาพบกัน
ฝั่งตรงข้ามคือพระจันทร์ที่กำลังเปลี่ยนเวลาทำงานกับพระอาทิตย์
(เป็นภาพที่เก็บได้ ช่วงโค้งก่อนถึงกิ่วแม่ปาน)
หลังจากนั้นเดินทางต่อขึ้นไปถึงกิ่วแม่ปาน
ช่วงที่เราขึ้นมาเป็นช่วงเดือน พฤษจิกายน นักท่องเที่วยังคงไม่มากเท่าไหร่ แต่ดูจากปริมาณรถช่วงเวลานี้แล้ว (06:30น.)โดยประมาณ สาย ๆ คงต้องเยอะแน่ ๆ ครับ
เราพาไปเที่ยวชมเส้นทางชมธรรมชาติของกิ่วแม่ปานกันครับ
ทางเข้าชมจะมีผู้ทำหน้าที่นำทางสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้ความรู้และคอยดูแลความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งเส้นทางในการเดินชม
นอกจากธรรมชาติอันสวยงาม เรายังจะได้ชมน้ำตกที่เป็นต้นน้ำของน้ำตกใหญ่ ๆ ตลอดทางการเดินทาง
กว่าจะมาถึงจุดชมวิวเรียกได้ว่าเหนื่อยกัน จนยาดมหมดเป็นหลอดเลย แต่สิ่งที่เห็นออกมาตรงหน้า ทำให้คณะของเราหายเหนื่อยในทันใด
จุดชมวิวที่ถือได้ว่าเป็นจุดที่ อากาศดีมาก ๆ และวิวสวยมาก ทำให้เราต้องหยุดเก็บภาพจุดนี้เป็นเวลานาน
ต้นกุหลาบพันปี ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ที่หาชมได้อยากมาก
ตลอดระยะเวลาในการเดินทางจะมีสายลมคอยพัดพาก้อนเมฆมาเป็นระยะ ๆ ทำให้เห็นและสัมพัสอากาศบริสุทธิ กันทำให้เราได้รู้ว่า กลิ่นไอธรรมชาติ มีอยู่จริง
ทิ้งท้าย กิ้วแม่ปานด้วยลูกไม้ สวย ๆ ที่ตกอยู่ในธรรมชาติ ช่วงเวลาที่เรามายังไม่มีแม่ขนิ้ง หรือ เหมือยคาบ หรือน้ำค้างเป็นน้ำแข็งนะครับ เพราะอุณหภูมิยังไม่ต่ำมาก
เราใช้เวลาเดินที่กิ่วแม่ปานนานพอควร
หลักจากเดินทางลงมาพักให้หายเหนื่อย แล้วเดินทางขึ้นไปที่จุดสูงสุดกันต่อ เป็นเวลาประมาณ 10:00น.
ตลอดระยะที่เดินขึ้นมาที่จุดทางเดินสำหรับเที่ยวชมธรรมชาติ เราพบกับความสมบูรณ์ของมอส ที่ขึ้นอยู่เต็มไปหมดเนื่องจากว่าช่วงที่เราขึ้นมาอุณหภูมิยังไม่ต่ำมากและความชื้นในอากาสยังมีสูง เหมาะสำหรับพืชตะกูลมอสมาก ๆ
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมพัสอากาสหนาว หรือชมน้ำค้างแข็งเป็นน้ำแข็ง ควรมาในช่วงปลาย ๆ เดือน พฤษจิกายน จะมีโอกาศได้เห็นมากที่สุด
ทิ้งท้านก่อนที่จะลงไปเที่ยวจุดอื่นต่อไป นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่มาเที่ยวชม ไม่ควรไปสัมพัสมอสเพราะจะเป็นการไปทำลายธรรมชาติอันสวยงาม ควรถ่ายแต่รูปเก็บไว้เท่านั้น
สภานที่ต่อมา หลังจากสัมพัสอากาศที่หนาวเย็น คือ พระมหาธาตุเจดีย์ฯ
หลังจากที่เราได้เที่ยวในสภานที่สำคัญ ๆ มาเป็นเวลานานพอควรคงต้องถึงเวลาที่เราต้องหาที่พักได้แล้ว เพราะเวลาล่วงมาถึงบ่ายสองโมงครึ่ง
เป้าหมายในการพักของเราในคืนนี้ เด็กๆ ต่านตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้พักนอกบ้านกับครอบครัว คือไม่นับการเข้าค่ายลูกเสือครับ ฮา ฮา ..... สถานที่ ที่เราจะพักคือจุดกางเต้น ณ.น้ำตกสิริภูมิ และแล้วสิ่งที่เราได้พบคือความสวยงามทิวทัศน์ที่สวยงามท่ามกลางขุนเขา มีแปรปลูกพืชผักโครงการหลวง มองไปไกล ๆ เห็นน้ำตกสายน้ำตกลงมาจากบนภูเขาหายลงไปด้านล้างในพืนป่า แต่ด้วยเวลาตอนนี้เริ่มมืดลงแล้ว เราคงต้องหาจุดกางเต้น และเตรียมที่จะพักพ่อนเพื่อเดินทางในตอนเช้าวันต่อไป
ขณะกำลังเริ่มที่จะพักพ่อนกัน เวลามืดชาวบ้านต้องเปิดไฟเพื่อให้ความสว่างกับแปลงปลูกพืชผัก ก็สวยงามไปอีกอย่างหนึ่ง
พอเช้ามาเราเริ่มเดินทางไป ณ.จุดต่อไปคือ น้ำตกวชิรธาร น้ำตกที่ไม่ใหญ่โตมากแต่มีความสวยงาม จากน้ำที่ตกลงมาจากด้านบน
เราแวะพักที่นี้ไม่นานนัก ก็มุ่งหน้าเดินทางต่อไปที่น้ำตกแม่ยะ ต้องรีบแล้วเพราะต้องไปอีกไกลเหมือนกัน
หลังจากออกเดินทางจากน้ำตกวชิรธาร เราต้องกับมาที่ปากทางเข้า แล้วกลับย้อนขึ้นอีกทางและตลอดระยะทางที่เราขับรถผ่านหมู่บ้านเราได้พบกับทุ่งนาอันสวยงาม ก่อนที่จะเริ่มขึ้นถนนตามภูเขาไป ใช้เวลาในการเดินทางนานพอควรครับ
นี้เป็นภาพแรกที่เราเอามาฝากเพื่อน ๆ ครับ ธรรมชาติที่แสนสะบาย
ต้องเดินจากจุดจอดรถขึ้นไปอีก ตลอดทางคือความสงบของขุนเขา
และเริ่มเดินไปชักพักจะได้งินเสียงน้ำตก ดังขึ้นทีล่ะน้อย และดังขึ้น ดังขึ้น
และแล้วก็ได้พบกับ สายน้ำ
น้ำให้เราต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ๆ
พอเห็นใกล ๆ เด็กต้องตื่นเต้น กับความใหญ่โต ของน้ำที่ตกลงมามันชั่งใหญ่โตอะไรอย่างนี้
และเราก็ต้องจากลาความสวยงามของดอยอินทนนท์ ในครั้งนี้ด้วยภาพสวย ๆ ของน้ำตกแม่ยะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ร้านสลัดฝายหินได้ย้านร้านมาอยู่ที่หน้าศูนย์ราชการ ซอยระหว่างเรือจำหญิงกับโรงเรียนวัดพระนอน(ขอนม่วง)
(รายละเอียดของร้านสลัดฝายหินเพิ่มเติม..........................)
The restaurant moved to a new address.
700 near the stadium and Chiang Mai Provincial Government Center.
ติดต่อ ได้ที่ 086-179-1896 หรือ 088-267-1473
หรือ ติดตามเราได้ที่ www.facebook.com/saladfaihin.chingmai